สุขภาพดีด้วยการเสริมภูมิคุ้มกัน

 

"ภูมิคุ้มกัน" ฟังกันคุ้นหู ลองมารู้จักความหมายกันดีกว่า

   "ภูมิคุ้มกัน" ฟังกันคุ้นหู ลองมารู้จักความหมายกันดีกว่า

     เราทราบกันดีอยู่แล้วใช่ไหมครับว่ารอบๆ ตัวเรามีเชื้อโรคอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อโรคตัวจิ๋วทั้งหลายมากมาย นั่นหมายความว่าเราก็ได้สัมผัสเจ้าเชื้อโรคเหล่านี้อย่างใกล้ชิดทุกวี่วัน แต่ทำไมเราไม่เจ็บป่วย หรือถ้าจะป่วยก็มีอาการเพียงเล็กน้อยไม่รุนแรง นั้นเพราะเรามีปราการไว้ป้องกันและดูแลร่างกายที่เรียกว่า ระบบภูมิคุ้มกัน ( Immune system) หรือความต้านทานโรคของร่างกายเรานั่นเองครับ ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตนเองอย่างหนึ่ง เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มทำงาน โดยออกมาต่อต้าน หรือทำลายสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นเองครับ นั่นหมายความว่าหากเรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเป็นของตัวเองแล้ว เราก็ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคและพร้อมออกไปเผชิญโลกกว้างได้อย่างมั่นใจครับ  

 

     ระบบภูมิคุ้มกันเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งหรือไม่

     ในร่างกายของคนปกตินั้น เมื่อเซลล์ใดเซลล์หนึ่งในร่างกายเริ่มก่อกลายพันธุ์เพื่อจะพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งต่อไป ระบบภูมิคุ้มกันจะเป็นตัวที่ทำลายเซลล์นั้นโดยอัตโนมัติครับ ทำให้ไม่เกิดเป็นโรคมะเร็ง แต่ในคนที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเอดส์ เมื่อเซลล์มีการก่อกลายพันธุ์ จะไม่ถูกระบบภูมิคุ้มกันทำลายไปได้ ดังนั้น เซลล์ก่อกลายพันธุ์นั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้ และเมื่อเซลล์ได้ก่อกลายเป็นเซลล์มะเร็งแล้ว มันสามารถที่จะอำพลางตัวเองให้ระบบภูมิคุ้มกันเข้าใจผิดว่ามันเซลล์ปกติ จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่ทำลายมัน และทำให้เกิดการกระจายของเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย หรือจนกว่าจะมีการตรวจพบจากแพทย์ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าไปซะแล้ว รู้อย่างนี้ หมั่นดูแลสุขภาพไว้ดีกว่านะครับ  

 

     แย่แล้ว ภูมิคุ้มกันของฉันกำลังอ่อนแอเราอ่อนแอรึเปล่า

     จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ภูมิคุ้มกันเราอ่อนแออยู่รึเปล่าหรือครับ ง่ายมาก ก็ตอนที่เราไม่สบายยังไงละครับ นั่นเป็นสัญญาณที่จะบอกว่าภูมิคุ้มกันของเรากำลังแย่ เหรอลองสังเกตความถี่ในการเกิดเจ็บป่วย แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นบ่อยๆ อย่างเช่น โรคหวัด ก็ได้ ถ้าอยากจะตรวจดูให้ละเอียดก็ทำได้โดยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับภูมิคุ้มกันดู สำหรับภูมิคุ้มกันหรือการต้านทานโรค จะมีมากหรือน้อยขึ้นกับปัจจัย 2 อย่างคือ พันธุกรรม และ การดูแลสุขภาพร่างกาย ถ้ามีการดูแลสุขภาพอย่างดี เช่น รับประทานอาหารครบถ้วนทุกหมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่เสพสารเสพติด ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ พักผ่อนเพียงพอ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะดี และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บน้อยลง   

 

     เสริมวิตามินและเกลือแร่ เสริมความพร้อมและภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

     อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วนะครับ ว่าอาหารนับเป็นปัจจัยหนึ่งในการเสริมสารภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้นได้ และเป็นวิธีง่ายๆ ในการเสริมภูมิคุ้มกันของเราเอง ซึ่งการทดลองด้านโภชบำบัดพบว่าการรับประทานวิตามินรวมและเกลือแร่รวม ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานดีขึ้นได้ รวมทั้งยังเป็นวิธีหนึ่งที่จะสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับร่างกายอีกด้วย และนอกจากนี้ อาหารเสริมวิตามินรวมและเกลือแร่รวมมีคุณประโยชน์เป็นพิเศษอย่างยิ่งต่อผู้สูงอายุ

     หนึ่งในการศึกษาเรื่องดังกล่าวพบว่ากลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีพัฒนาการด้านการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่เทียบเคียงได้กับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
(Placebo Group) คือ หลังจากได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นเวลาหนึ่งปี พบว่ากลุ่มที่ได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีจำนวนทีเซลล์ (T cell หรือ T-lymphocyte) และเซลล์ที่ช่วยทำลายสิ่งแปลกปลอมตามธรรมชาติสูงกว่าและแข็งแรงมากกว่าอีกด้วยนะครับซึ่งเซลล์ต่างๆ เหล่านี้เป็นหนึ่งในทหารของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมาใส่ใจตัวคุณเองและคนรอบข้างดูด้วยนะครับ 
  

 

     อนุมูลอิสระ ประโยคสุดอินเทรนด์ในยุคแห่งสุขภาพดี

     อนุมูลอิสระ ฟังดูน่าสนใจแต่ก็ได้ยินบ่อยจนเบื่อแล้วรึเปล่าครับ อย่าเพิ่งเบื่อเลยนะครับ เพราะอนุมูลอิสระ หรือ Free-radical หรือ Oxidant นั้นใกล้ตัวมากจริงๆ ครับ เพราะสารอนุมูลอิสระ เป็นสารที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในร่างกาย ซึ่งปฏิกิริยาที่สร้างอนุมูลอิสระนี้เป็นปฏิกิริยาที่สร้างประโยชน์ในบางกลไกของร่างกาย เช่น กลไกการขจัดสิ่งแปลกปลอม กลไกที่ใช้เผาผลาญพลังงานในร่างกายหลังจากการรับประทานอาหาร เป็นต้น แต่หากอนุมูลอิสระเกิดขึ้นมากเกินไปย่อมสร้างปัญหาขึ้นได้

     บ่อยครั้งที่พบว่าอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายสร้างปัญหามากกว่าที่จะก่อประโยชน์ ดังนั้น เมื่ออนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของปัญหา การขจัดอนุมูลอิสระย่อมเป็นประเด็นของการสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคตามไปด้วยครับ และนอกจากนี้ ร่างกายยังรับสารอนุมูลอิสระได้จากภายนอกร่างกาย เช่น จากอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทปิ้ง หรือการทอดด้วยน้ำมันที่ใช้มาแล้วหลายครั้ง หรืออาหารที่ทอดโดยใช้น้ำมันในอุณหภูมิสูง มลพิษในอากาศ แสงแดด หรือคลื่นรังสีความร้อน คลื่นรังสี
x-ray การดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ หรือยาบางชนิด เป็นต้นอีกด้วยครับ โดยผลของสารอนุมูลอิสระต่อร่างกายที่มีโอกาสผ่านเข้าสู่ร่างกายเราตลอดเวลา และขณะเดียวกัน การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในร่างกาย ก็มีผลทำให้เกิดการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระได้เช่นกัน

     ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นประสิทธิภาพในการกำจัดอนุมูลอิสระยิ่งน้อยลง หากปริมาณของอนุมูลอิสระมีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะขจัดได้ทันหรือระบบคุ้มกันร่างกายเกิดปัญหา อนุมูลอิสระจะสร้างปัญหาให้แก่สุขภาพได้ โดยอาจทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน รวมถึงโรคที่เกิดจากเสื่อมของสังขาร เช่น การชราภาพ ต้อกระจก เป็นต้นนะครับ
 
 

 

     เราจะป้องกันอนุมูลอิสระได้อย่างไร

     การป้องกันร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ หรือระบบการต้านอนุมูลอิสระ จะมีอยู่ 2 ระบบ คือ

     1 ระบบการต้านอนุมูลอิสระโดยใช้เอ็นไซม์ เป็นเอ็นไซม์ที่มีหน้าที่ในการทำลายอนุมูลอิสระในร่างกายเรา ได้แก่ เอ็นไซม์ Superoxide dismustase (SOD) ซึ่งมีแร่ธาตุสังกะสี (Zn) ทองแดง (Cu) และแมงกะนีส (Mn) เป็นองค์ประกอบ
 

  • เอ็นไซม์แคททะเลส (Catalase)  
  • เอ็นไซม์กลูทาไธโอน เพอร์ออกไซด์ (Glutathione Peroxide หรือ GSH.Px) มีธาตุเซเลเนียม (Se) เป็นองค์ประกอบ เป็นต้น  

     2 ระบบการต้านอนุมูลอิสระโดยไม่ใช้เอ็นไซม์ ได้แก่

  • วิตามินอี (Tocopherol)  
  • วิตามินซี (Ascorbic acid) 
     
  • เบต้าแคโรทีน (Beta carotene) 
  • สารเคมีกันหืนต่างๆ เช่น BHT และ BHA 
  • ผลิตภัณฑ์ยาบางชนิด - สารพฤกษเคมี (Phytonutrients) ในอาหาร ในผักและผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น  

     ทราบอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ยากแล้วใช่ไหมละครับ การออกลังทำร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอหรือการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เสริมวิตามินและเกลือแร่ให้ร่างกายก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เราได้มีโอกาสสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงในทุกช่วงอายุด้วยนะครับ

 

     สารพฤกษเคมี หรือ Phytonetrients หรือ Phytochemicals มีประโยชน์อย่างไร?

     ในยุคนี้มีหลายๆ คนพูดถึงสารอาหารที่ได้จากพืชหรือเรียกว่าสารพฤกษเคมีบ่อยๆ ใช่ไหมครับ แล้วสารนี้หน้าตาเป็นยังไง ให้ประโยชน์อย่างไรกับเราบ้างนะเหรอครับ ง่ายมากครับ"สารพฤกษเคมี"หมายถึงสารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบในพืช สารกลุ่มนี้อาจเป็นสารที่ทำให้พืชผักชนิดนั้นๆ มีสี กลิ่น หรือรสชาติที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวที่เราคุ้นๆ กันนี่ละครับ และสารพฤกษเคมีเหล่านี้หลายชนิดมีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิดและโรคสำคัญที่มักจะกล่าวกันว่าสารกลุ่มนี้ช่วยป้องกันได้ ก็คือโรคมะเร็งไงครับ เพราะว่ากลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วนั้น อาจเป็นไปโดยการช่วยให้เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น และในตัวเราเองก็มีเอนไซม์บางชนิดทำหน้าที่ทำลายสารก่อมะเร็งที่เข้าสู่ร่างกายอีกด้วย ซึ่งจะมีผลทำให้สารก่อมะเร็งหมดฤทธิ์ได้ยังไงครับ   

 

     สารพฤกษเคมี หรือ Phytonetrients หรือ Phytochemicals ทำงานอย่างไร??

     อย่างที่เราทราบกันแล้วว่าสารพฤกษเคมีเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพ และพบได้จากพืช และยังมีมีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิดและที่สำคัญคือโรคมะเร็ง ก็เพราะจากกลไกการทำงานของสารพฤกษเคมีเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วเพราะการช่วยให้เอนไซม์บางกลุ่มร่วมถึงเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ทำลายสารก่อมะเร็งไงครับ สำหรับกลไลการทำงานของสารพฤกษเคมีนั้น นักวิทยาศาสตร์พบว่าสารพฤกษเคมีสร้างประโยชน์ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้

  • ต้านออกซิเดชั่น ทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการทำลายเซลล์ในร่างกายและก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา  
  • ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับดีเอ็นเอ เป็นกลไกสำคัญกลไกหนึ่งที่ทำให้สารพฤกษเคมีลดการเกิดโรคมะเร็ง 
  • เพิ่มภูมิต้านทานโรค 
  • ควบคุมการออกฤทธิ์ของฮอร์โมน เป็นต้น

     วิตามิน สารอาหารเฉพาะอย่างกับการทำงานของภูมิคุ้มกัน

    แน่นอนครับ ร่างกายเรามีผู้ช่วยต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บ แม้เพียงเล็กน้อย เป็นทหารเอกของเรา   และจะไม่ดีหรือครับหากเราจะเสริมอาวุธชุดเกราะให้กับพลทหารที่ชื่อ "ภูมิคุ้มกัน" บ้าง ลองมาดูวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ในการเสริมภูมิคุ้มกันดูนะครับ

     วิตามินเอ ช่วยลดการติดเชื้อเกี่ยวกับทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการขยายตัวของเม็ดโลหิตขาว

     วิตามินดี มีผลหลากหลายต่อระบบภูมิคุ้มกัน และมีคุณสมบัติทั้งช่วยกระตุ้นหรือระงับโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้ให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานเป็นปกติ

     วิตามินอี มีอิทธิพลต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน การสร้างสารคุ้มกัน การสร้างเซลล์ทำลายและเซลล์ภูมิคุ้มกัน

     ทองแดง การขาดทองแดงส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของปัจจัยที่เอื้อต่อการติดเชื้อในร่างกาย

     ซีลีเนียม ช่วยเพิ่มขอบเขตของภูมิคุ้มกันและอาจป้องกันมะเร็งได้ 

     แมงกานีส เป็นหนึ่งในส่วนประกอบร่วมที่อยู่ในเอ็นไซม์หลายชนิดซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของภูมิคุ้มกัน

     วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สร้างวิตามินอีขึ้นมาใหม่และยังช่วยพัฒนาการตอบสนองของภูมิคุ้มกันหลายชนิด รวมทั้งการตอบสนองต่อสารคุ้มกันด้วย วิตามินบีชนิดต่างๆ มีความสำคัญต่อการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง

 

     ทำอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรงปลอดโรค

     ง่ายมากครับเพราะเป็นที่รู้ๆ กันดีอยู่แล้วนะครับว่า สุขภาพที่แข็งแรงมาจากการดูแลตัวเอง แม้เพียงช่วงเวลาสั้นแต่สม่ำเสมอก็เพียงพอแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เพราะจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น มีการแตกแขนงของหลอดเลือดในเนื้อเยื่อต่างๆ มากขึ้น ทำให้เม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันเข้าสู่ ในเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ง่าย เมื่อมีเชื้อโรคเข้ามาก็เข้าไปจัดการได้เร็วยังไงครับ และทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งข้อมูลด้านโภชนบัญญัติ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่าควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารทุกชนิดให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จะทำให้มีสุขภาพดี โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

ข้อ 1 กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว

ข้อ 2 กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้ง เป็นบางมื้อ
 
ข้อ 3 กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ

ข้อ 4 กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ

ข้อ 5 กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร

ข้อ 6 หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด

ข้อ 7 กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน

ข้อ 8 งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

 

 

     ผลิตภัณฑ์แนะนำ

    กลุ่มผลิตภัณฑ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ เพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน

ปิดปรับปรุงระบบความคิดเห็นชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก หากลูกค้าต้องการเปิดใช้งานระบบ กรุณาติดต่อ 02-8323222 กด 2